วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

การออกแบบแก้วกาแฟด้วยโปรแกรม Google sketup 8

1. เปิดโปรแกรม Google SketchUp 8


2. เครื่องมือที่ใช้มีดังนี้



3.ใช้เครื่องมือเส้นวาดเส้นแนวตรงยาวตามต้องการ



4.แล้ววาดครึ่งวงกลมโดยใช้เส้นโค้ง



5.วาดรูปวงกลมโดยให้ขอบวงกลมและขอบเส้นโค้งติดกัน



6.ใช้เครื่องมือสี่เหลี่ยมวาดสี่เหลี่ยมใส้เส้นโค้ง



7.ใช้ Follow Me ในแถบ Tools หมุนเส้นโค้งให้เป็นทรงกลม



8. วาดรูปวงกลมด้านบนแก้ว



9. ดึงวงกลมด้านในลงข้างล่าง



10. วาดเส้นโค้งที่ครึ่งวงกลมที่ยื่นออกมา



11.ดึงเส้นโค้งโดยใช้เครื่องมือดึง



12. ลบส่วนที่ยื่นออกมาจากหูแก้วโดยใช้ยางลบ



13.ใส่สีสันต์ให้สวยงามโดยใช้ถังสี


ออกแบบโดย เด็กหญิงชุลีกร  คเชนทร์ชัยถาวร
                      ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/11   เลขที่ 6

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บัญญัติ 10 ประการ ของการใช้อินเทอร์เน็ต


      มารยาทในการใช้อินเทอร์เน็ต เรียกว่าบัญญัติ 10 ประการของการใช้อินเทอร์เน็ตก็ได้ โดยอาจารย์ยืน ภู่วรวรรณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  • ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้าย หรือละเมิดผู้อื่น
  • ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
  • ต้องไม่สอดแนม แก้ไข หรือเปิดดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
  • ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
  • ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
  • ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์
  • ต้องไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
  • ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
  • ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมที่เกิดจากการกระทำของท่าน
  • ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบกติกาและมีมารยา
                                                                                                                 ที่มา

ข้อดีของการใช้ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต




ตัวอย่างเช่น
1.ค้นคว้าข้อมูลต่างๆ เช่น งานวิจัย บทความ เป็นต้น ได้จากแหล่งข้อมูลทั่วโลก เช่น ห้องสมุด สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย เป็นต้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทาง และสามารถสืบค้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง
2.ติดตามเคลื่อนไหวต่างๆทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว จากการรายงานข่าวจากสำนักข่าวที่มีเว็บไซต์อยู่ รวมถึงการพยากรณ์อากาศทั่วโลกล่วงหน้าด้วย
3.รับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียค่าไปรษณียากร ซึ่งนอกจากจะส่งข้อความตัวอักษรแบบจดหมายธรรมดาแล้ว ยังสามารถส่งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียงมาพร้อมกันไปได้ด้วย
4.สามารถสนทนากับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกลได้ทั้งในลักษณะการพิมพ์ข้อความและเสียง
5.รวมกลุ่มอภิปราย แสดงความคิดเห็น หรือพูดคุยถกปัญหากับผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกันได้ ซึ่งเป็นการขยายวิสัยทัศน์ในเรื่องสนใจนั้นๆ
6.ถ่ายโอนแฟ้มข้อความ ภาพ เสียง รวมถึงโปรแกรมต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ที่ให้ดาวน์โหลดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
7.ตรวจดูราคาสินค้าและสั่งซื้อสินค้าโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปห้างสรรพสินค้า
8.เล่นเกมต่างๆ เพี่อความบันเทิง และยังสามารถแข่งขันเกมกับผู้อื่น ได้ทั่วโลก
มาจากหนังสือ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.2

ISO คืออะไร

ISO คืออะไร
     ISO ย่อมาจาก  International Organization for Standardization คือ องค์การมาตรฐานสากล หรือองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน เป็นองค์กรที่ออกมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และอุตสาหกรรม ส่วนมาตรฐานที่องค์กรนี้ออกมา ก็ใช้ชื่อนำหน้าว่า ISO เช่น ISO 9000 และ ISO 14000 ซึ่งก็เป็นมาตรฐานที่ว่าด้วยระบบบริหารคุณภาพ และระบบบริหารสิ่งแวดล้อม 
     ISO จะมีสมาชิกจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก และสมาชิกก็แบ่งเป็นระดับๆ แตกต่างกันไปอีก ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศ และมาตรฐานต่างๆ ที่ออกมาก็เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ (International Standard)  นอจากนี้มาตรฐาน ISO ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรชนิดใดขนาดใหญ่ หรือ เล็ก ผลิตสินค้าอะไร หรือ ให้บริการอะไร ตัวอย่างเช่น มาตรฐาน ISO-10646-1 เป็นมาตรฐานที่โปรแกรมในปัจจุบันได้เริ่มออกแบบให้สามารถใช้ได้หลายภาษา (multilingual) โดยใช้ มาตรฐานของตัวอักษร ของ ISO/IEC 10646 (Universal Multi-octet Coded Character Set - UCS) ซึ่งเป็นระบบสำหรับเก็บข้อมูลตัวอักษรสากลในระบบ 8 Bit(หรือ byte) ซึ่งอาจอยู่ในรูป 8 bit หลาย ๆ ตัวต่อกัน และรู้จักกันดีในชื่อ Unicode UCS หรือ UTF-8 
     ประโยชน์ของ มาตรฐาน ISO  
     1. องค์กร/บริษัท
- การจัดองค์กร การบริหารงาน การผลิตตลอดจนการให้บริการมีระบบ และมีประสิทธิภาพ
- ผลิตภัณฑ์และบริการ เป็นที่พึงพอใจของลูกค้าหรือผู้รับบริการและได้รับการยอมรับ
- ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กร
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
     2. พนักงานภายในองค์กร/บริษัท
- มีการทำงานเป็นระบบ
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- พนักงานมีจิตสำนึกในเรื่องของคุณภาพมากขึ้น
- มีวินัยในการทำงาน - พัฒนาการทำงานเป็นทีมหรือเป็นกลุ่มมีการประสานงานที่ดี และสามารถ
   พัฒนาตนเองตลอดจน   เกิดทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน
     3. ผู้ซื้อ/ผู้บริโภค
- มั่นใจในผลิตภัณฑ์และบริการ ว่ามีคุณภาพตามที่ต้องการ
- สะดวกประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องตรวจสอบคุณภาพซ้ำ
- ได้รับการคุ้มครองด้านคุณภาพความปลอดภัยและการใช้งาน     

                                                                                                                                      ที่มา

http://phichit.dlt.go.th

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สมัครอีเมลฟรี
     Gmail เป็นไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ของ Google สร้างขึ้นจากแนวคิดที่ว่าไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ควรใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์ และให้ความสนุกสนานด้วย ซึ่งการสมัครไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ทาง Gmail นั้น ผู้ใช้จะไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งมีขั้นตอนการสมัครดังนี้ 
     1. เข้าเว็บไซต์ของ Google โดยพิมพ์ www.google.co.th
     2. คลิกลิงก์  Gmail 
     3. คลิกปุ่มสร้างบัญชี 
     4. กรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มจนครบ
     5. คลิกปุ่ม "  ฉันยอมรับ โปรดสร้างบัญชีของฉัน " 
     6. อ่านรายละเอียดการใช้งานและ คลิกปุ่ม " แสดงบัญชีของฉัน " เพื่อเข้าสู่เมล


มาจากหนังสือ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.2
เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายในยุคต่างๆ

        ยุค 1G เป็นยุคที่ใช้สัญญาณวิทยุในการสื่อสารในการส่งคลื่นเสียง โดยไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลใดๆทั้งสิ้น สามารถใช้งานทางด้านเสียงอย่างรวดเร็ว คือ สามารถโทรออก-รับสายเท่านั้น ถือเป็นยุคแรกของการพัฒนาระบบโทรศัพท์แบบเซลลูลาร์ โดยใช้วิธีปรับสัญญาณแอนะล็อกเข้าช่องสื่อสาร ซึ่งแบ่งความถี่ออกเป็นช่องเล็กๆ ด้วยวิธีการนี้จึงมีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนช่องสัญญาณและการใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เกิดการติดขัดเรื่องการขยายจำนวนเลขหมายและจำนวนความถี่ ซึ่งโทรศัพท์แบบเซลลูลาร์ยังมีขนาดใหญ่ และใช้กำลังไฟฟ้ามากอีกด้วย
        ยุค2G เป็นยุคที่เปลี่ยนจากการส่งคลื่นทางคลื่นวิทยุแบบแอนะล็อกมาเป็นการใช้สัญญารดิจิทัล โดยส่งผ่านทางคลื่นไมโครเวฟ ทำให้สามารถใช้งานทางด้านข้อมูลได้นอกเหนือจากการใช้งานทางเสียงเพียงอย่างเดียวโดยสามารถรับส่งข้อมูลต่างๆ และเชื่อมโยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนเกิิดการกำหนดเส้นทางการเชื่อมกับสถานีฐานหรือที่เรียกว่า เซลล์ไซล์ (cell site) และก่อให้เกิดระบบ  GSM 
(Global System for Mobile Communication) ซึ่งทำให้สามารถถือโทรศัพท์เครื่องเดียวไปใช้ได้เกือบทั่วโลก หรือที่เรียกว่า บริการข้ามเครือข่าย (roaming)
          ยุค 3G  ใช้บริการมัลติมีเดีย และส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราเร็วที่สูงขึ้น มีความเร็วในการดาวโหลดข้อมูลสูงสุด2 เมกะบิตต่อวินาที หรือเร็วกว่าเครือข่าย EDGE ที่ใช้ในปัจจุบันเกือบ 10 เท่า มีช่องสัญญาณความถี่ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า เข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้สะดวกยิ่งขึ้น สามารถใช้การสนทนาแบบเห็นหน้า (Video telephony) และการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ 
(Video conference) ช่วยให้สามารถสื่อสารได้พร้อมกันทั้งภาพและเสียง รับชมโทรทัศน์หรือวิดีโออินเทอร์เน็ตในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งมีสัญญาณภาพที่คมชัด และสามารถใช้บริการข้ามเครือข่าย (roaming)
ได้เช่นเดียวกับระบบ GSM

         ยุค 4G เป็นเครือข่ายไรสายความเร็วสูงชนิดพิเศษ มีความเร็วในการสื่อสารได้ถึงระดับ 20-40 เมกกะบิด ต่อ วินาที สามารถเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three-dimensional : 3D) ระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ด้วยกันเองโดยให้บริการมัลติมีเดียในลักษณะที่สามารถโต้ตอบได้ เช่น อินเทอร์เน็ตไร้สาย เทเลคอนเฟอเรนซ์ เป็นต้น          

มาจากหนังสือ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.2

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ไวรัสคอมพิวเตอร์

         ไวรัสคอมพิวเตอร์ ( computer virus ) หรือเรียกสั้นๆว่าไวรัส คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ ซึ่งไวรัสแบ่งออกเป็น 6 ประเภทดังนี้ 
          1. ไวรัสพาราสิต ( parasitic virus ) ไวรัสประเภทนี้จะเริ่มทำงานและจำลองตัวเองเมื่อมีการเรียกใช้งานไฟล์ที่ติดไวรัส ไวรัสคอมพิวเตอร์ส่วนมากจะเป็นประเภทนี้
          2. ไวรัสบูตเซกเตอร์ ( boot sector virus ) ไวรัสประเภทนี้จะฝังตัวลงในบูตเซกเตอร์ แทนที่คำสั่งที่ใช้ในการเริ่มต้นของการมำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นใช้งาน ไวรัสประเภทนี้จะโหลดตัวเองเข้าไปที่หน่วยความจำก่อนที่จะโหลดระบบปฏิบัติการ หลังจากนั้นจะสำเนาตัวเองไปฝังอยู่กับไฟล์อื่นๆด้วย
          3. ไวรัสสเตลท์ ( stealth virus ) ไวรัสประเภทนี้เป็นไวรัสที่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงของตัวเองให้อยู่ในรูปแบบที่โปรแกรมป้องกันไวรัสต่างๆ ตรวจไม่พบ และเมื่อไปติดกับโปรแกมใดแล้วจะทำให้โปรแกรมนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
          4. ไวรัสโพลีมอร์ฟิก ( polymorphic virus ) ไวรัสประเภทนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกครั้งที่ติดต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะส่งผลทำให้ไวรัสประทนี้ตรวจพบได้ยาก
          5. ไวรัสแมโคร ( macro virus ) ไวรัสประเภทนี้จะมีผลกับ Macro Application ( มักจะพบในปรแกรมประเภท Word Processors ) เมื่อผู้ใช้เรียกใช้ไฟล์ที่มีไวรัสติดมาด้วย จะทำให้ไวรัสไปังตัวอยู่ที่หน่วยความจำจนเต็ม อันจะทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์ช้าลง และอาจส่งผลเสียกับข้อมูลที่เก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ได้
          6. หนอนอินเทอร์เน็ต ( worms ) เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่จะติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อในการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยไวรัสชนิดนี้จะคัดลอกตัวเองซ้ำแล้วใช้ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อในการแพร่กระจายซึ่งโดยทั่วไปจะมากับอีเมล ตัวอย่างของหนอนอินเทอร์เน็ตคือ Adore โดยจะทำการค้นหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการ Linux หลังจากนั้นจะสนสร้างช่องทางในคอมพิวเตอร์เพื่อให้แฮกเกอร์ ( hacker ) สามารถเข้าไปยังคอมพิวเตอร์นั้นได้
มาจากหนังสือ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.2